การเริ่มต้นการวางแผน
เป้าหมาย
นำระบบการขายมาใช้งานในบริษัทเพื่อตอบสนองความต้องการความต้องการของพนักงานขาย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการขาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
วัตถุประสงค์
เพื่อนำระบบใหม่มาแก้ไขปัญหาต่างๆให้มากที่สุด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความทันสมัยใหม่ของระบบเพื่อทันต่อการใช้งาน ถูกต้อง ว่องไว ตรงตามความต้องการ
ขอบเขตของระบบ
เป็นขั้นตอนในการค้นหาโครงการเพื่อพัฒนาระบบใหม่ให้เหมาะสมกับระบบเดิมหรือให้เหมาะสมกับองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือต้องการระบบเพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานในส่วนที่เกิดความบกพร่องของบริษัท เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำงานขององค์กร
ดังนั้นจึงได้ยกตัวอย่างบริษัทที่ต้องการพัฒนาระบบคือบริษัท ผลไม้กระป๋อง ข้องมูลดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในส่วนของระบบที่ต้องการแก้ไข คือ
>> จัดเก็บข้อมูลรายรับ - รายจ่าย สั่งซื้อสินค้า
>> ประหยัดระยะเวลารายรับ - รายจ่าย สั่งซื้อสินค้า
>> การตรวจสอบการสั่งจองสินค้า
ขั้นตอนที่ 2 การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
เป็นขั้นตอนในการเริ่มต้นทำโครงการด้วยการเริ่มต้นจัดตั้งทีมงาน ซึ่งเราจะต้องกำหนดหน้าที่ให้กับทีมงานแต่ละคนอย่างชัดเจน เพื่อร่วมกันสร้างแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งานและนอกจากขั้นตอนดังกล่าวแล้วเริ่มต้นทำโครงการ ก่อนทำโครงการเราควรศึกษาระบบเดิมในการทำงานก่อนกำหนดวัตถุประสงค์หรือทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้ ในการวางแผนการทำงานของระบบใหม่
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์
ศึกษาขั้นตอนการทำงานของระบบเดิม ดูว่าการทำงานของระบบบัญชี มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างไร และเหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบเดิม และระบบที่เปลี่ยนแปลงนี้จะเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบการสั่งซื้อสินค้า การรวบรวมความต้องการในระบบใหม่จากผู้ใช้ระบบ การศึกษาหรือสอบถามข้อมูลของระบบเดิมจากพนักงานหรือผู้ใช้ระบบ จำลอง แบบความต้องการที่รวบรวมได้ เมื่อเรารวบรวมข้อมูลมาได้แล้วก็สามารถออกแบบจำลองดังกล่าวได้ ด้วยวิธีการใดก็ได้ที่นักวิเคราะห์ระบบนำมาใช้ในการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่ 4 การออกแบบเชิงตรรกะ
เป็นขั้นตอนในการออกแบบการทำงานของระบบในแต่ละส่วนงาน หรือแต่ละฝ่ายของงาน ซึ่งในการออกแบบระบบงานที่ได้ในแต่ละส่วนจะไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีแบบฟอร์มหรือผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเราวิเคราะห์ขบวนการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนที่ 5 การออกแบบเชิงกายภาพ
ในขั้นตอนนี้เป็นการทำงานของระบบในส่วนของเทคนิคของโปรแกรม หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงระบบอาจจะเป็นระบบรายรับ - รายจ่ายในฐานข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าใจขั้นตอนการทำงานมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ได้ในส่วนนี้จะเป็นแค่การออกแบบหลังจากนั้นจะทำการส่งให้โปรแกรมเมอร์ต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 การพัฒนาและติดตั้งระบบ
ขั้นตอนนี้จะนำข้อมูลเฉพาะในส่วนที่ต้องการออกแบบของระบบมาทำการเขียนโปรแกรม เพื่อให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการของระบบใหม่ อาจนำโปรแกรมที่เขียนสำเร็จรูปมาใช้งานในระบบก็ได้ หลังจากเขียนโปรแกรมแล้วเราก็ควรทำการทดลองว่าโปรแกรมใช้งานได้เหมาะสมกับการทำงานของบริษัทหรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนนี้มีกระบวนการทำงาน ดังต่อไปนี้
แผนการดำเนินงานของโครงการ
แผนการดำเนินงานของโครงการที่ต้องการวิเคราะห์ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ รายรับ - รายจ่าย ระบบสั่งซื้อสินค้า และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
>> ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ
>> ประมาณการใช้ทรัพยากร
>> ประมาณการใช้งบประมาณ
>> ประมาณระยะเวลาดำเนินการ
ทีมงานที่รับผิดชอบโครงการ
ผู้รับผิดชอบโครงการจะได้รับมอบหมาย คือ บุคลากรคอมพิวเตอร์ 2 คน จะดำรงตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
>> นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ ทำหน้าที่ วิเคราะห์และออกแบบระบบ ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูล และติดต่อประสานงานระหว่างผู้ใช้กับทีมโปรแกรมเมอร์ จัดทำเอกสารของระบบ ทดสอบโปรแกรมในระบบ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
>> โปรแกรมเมอร์ ทำหน้าที่ เขียนและติดตั้งโปรแกรมของระบบ รวมทั้งทดสอบโปรแกรมและพัฒนาตัวต้นแบบเพื่อสอบถามความเห็นและผลการตอบรับจากผู้ใช้ระบบ
ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
>> เครื่องแม่ข่าย Server จำนวน 1 เครื่อง
>> เครื่องลูกข่าย Workstation จำนวน 10 เครื่อง
>> เครื่องพิมพ์ Printer จำนวน 25 เครื่อง
>> อุปกรณ์ต่อพ่วง 15 ชุด (ตามความเหมาะสม)
ประมาณการใช้งบประมาณ
วัตถุประสงค์
เพื่อนำระบบใหม่มาแก้ไขปัญหาต่างๆให้มากที่สุด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความทันสมัยใหม่ของระบบเพื่อทันต่อการใช้งาน ถูกต้อง ว่องไว ตรงตามความต้องการ
ขอบเขตของระบบ
โครงการพัฒนาระบบการขายได้มีการจัดทำขึ้นโดย ใช้ทีมงานของบริษัทมารับผิดชอบโครงการพร้อมกันนี้ได้กำหนดขอบเขตของระบบนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
>> ระบบจะต้องใช้งานง่ายและะดวกรวดเร็ว
>> ระบบต้องเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุดต่อการทำงาน
>> ระบบจะต้องมีความถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด
>> มีความสะดวกต่อการค้นหา
>> ระบบมีการจัดจัดแบ่งส่วนต่างๆ อย่างชัดเจนครบถ้วน
ปัญหาที่พบจากระบบเดิม
>> เอกสารมีจำนวนมาก ทำให้การจัดเก็บไม่เป็นระเบียบ
>> ข้อมูลของลูกค้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
>> เป้าหมายของบริษัทไม่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า
ความต้องการของระบบใหม่
>> มีการจัดระบบให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อการค้นหา
>> จัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ ไม่ต้องเก็บข้อมูลขยะ
>> เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ
>> สามารถเพิ่ม แก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลของสินค้าและข้อมูลลูกค้าได้
>> สามารถเก็บ และตรวจสอบข้อมูลลูกค้าอีกทั้งสินค้าได้ด้วย
ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบใหม่
>> ลดความซ้ำซ้อนกันของข้อมูลและการทำงาน
>> ลดระยะเวลาในการทำงาน
>> ข้อมูลมีความถูกต้อง
>> การทำงานมีประสิทธิภาพ
>> การสั่งจอง - การซื้อ มีความชัดเจนและรวดเร็ว
ขั้นตอนที่ 1 การค้นหาและเลือกสรรโครงการเป็นขั้นตอนในการค้นหาโครงการเพื่อพัฒนาระบบใหม่ให้เหมาะสมกับระบบเดิมหรือให้เหมาะสมกับองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือต้องการระบบเพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานในส่วนที่เกิดความบกพร่องของบริษัท เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในการทำงานขององค์กร
ดังนั้นจึงได้ยกตัวอย่างบริษัทที่ต้องการพัฒนาระบบคือบริษัท ผลไม้กระป๋อง ข้องมูลดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในส่วนของระบบที่ต้องการแก้ไข คือ
>> จัดเก็บข้อมูลรายรับ - รายจ่าย สั่งซื้อสินค้า
>> ประหยัดระยะเวลารายรับ - รายจ่าย สั่งซื้อสินค้า
>> การตรวจสอบการสั่งจองสินค้า
ขั้นตอนที่ 2 การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
เป็นขั้นตอนในการเริ่มต้นทำโครงการด้วยการเริ่มต้นจัดตั้งทีมงาน ซึ่งเราจะต้องกำหนดหน้าที่ให้กับทีมงานแต่ละคนอย่างชัดเจน เพื่อร่วมกันสร้างแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งานและนอกจากขั้นตอนดังกล่าวแล้วเริ่มต้นทำโครงการ ก่อนทำโครงการเราควรศึกษาระบบเดิมในการทำงานก่อนกำหนดวัตถุประสงค์หรือทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้ ในการวางแผนการทำงานของระบบใหม่
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์
ศึกษาขั้นตอนการทำงานของระบบเดิม ดูว่าการทำงานของระบบบัญชี มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างไร และเหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบเดิม และระบบที่เปลี่ยนแปลงนี้จะเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบการสั่งซื้อสินค้า การรวบรวมความต้องการในระบบใหม่จากผู้ใช้ระบบ การศึกษาหรือสอบถามข้อมูลของระบบเดิมจากพนักงานหรือผู้ใช้ระบบ จำลอง แบบความต้องการที่รวบรวมได้ เมื่อเรารวบรวมข้อมูลมาได้แล้วก็สามารถออกแบบจำลองดังกล่าวได้ ด้วยวิธีการใดก็ได้ที่นักวิเคราะห์ระบบนำมาใช้ในการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่ 4 การออกแบบเชิงตรรกะ
เป็นขั้นตอนในการออกแบบการทำงานของระบบในแต่ละส่วนงาน หรือแต่ละฝ่ายของงาน ซึ่งในการออกแบบระบบงานที่ได้ในแต่ละส่วนจะไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะมีแบบฟอร์มหรือผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเราวิเคราะห์ขบวนการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนที่ 5 การออกแบบเชิงกายภาพ
ในขั้นตอนนี้เป็นการทำงานของระบบในส่วนของเทคนิคของโปรแกรม หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงระบบอาจจะเป็นระบบรายรับ - รายจ่ายในฐานข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าใจขั้นตอนการทำงานมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ได้ในส่วนนี้จะเป็นแค่การออกแบบหลังจากนั้นจะทำการส่งให้โปรแกรมเมอร์ต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 การพัฒนาและติดตั้งระบบ
ขั้นตอนนี้จะนำข้อมูลเฉพาะในส่วนที่ต้องการออกแบบของระบบมาทำการเขียนโปรแกรม เพื่อให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการของระบบใหม่ อาจนำโปรแกรมที่เขียนสำเร็จรูปมาใช้งานในระบบก็ได้ หลังจากเขียนโปรแกรมแล้วเราก็ควรทำการทดลองว่าโปรแกรมใช้งานได้เหมาะสมกับการทำงานของบริษัทหรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนนี้มีกระบวนการทำงาน ดังต่อไปนี้
แผนการดำเนินงานของโครงการ
แผนการดำเนินงานของโครงการที่ต้องการวิเคราะห์ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ รายรับ - รายจ่าย ระบบสั่งซื้อสินค้า และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
>> ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ
>> ประมาณการใช้ทรัพยากร
>> ประมาณการใช้งบประมาณ
>> ประมาณระยะเวลาดำเนินการ
ทีมงานที่รับผิดชอบโครงการ
ผู้รับผิดชอบโครงการจะได้รับมอบหมาย คือ บุคลากรคอมพิวเตอร์ 2 คน จะดำรงตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
>> นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ ทำหน้าที่ วิเคราะห์และออกแบบระบบ ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูล และติดต่อประสานงานระหว่างผู้ใช้กับทีมโปรแกรมเมอร์ จัดทำเอกสารของระบบ ทดสอบโปรแกรมในระบบ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
>> โปรแกรมเมอร์ ทำหน้าที่ เขียนและติดตั้งโปรแกรมของระบบ รวมทั้งทดสอบโปรแกรมและพัฒนาตัวต้นแบบเพื่อสอบถามความเห็นและผลการตอบรับจากผู้ใช้ระบบ
ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
>> เครื่องแม่ข่าย Server จำนวน 1 เครื่อง
>> เครื่องลูกข่าย Workstation จำนวน 10 เครื่อง
>> เครื่องพิมพ์ Printer จำนวน 25 เครื่อง
>> อุปกรณ์ต่อพ่วง 15 ชุด (ตามความเหมาะสม)
ประมาณการใช้งบประมาณ
>> ค่าตอบแทนสำหรับทีมพัฒนาระบบ 150,000 บาท
>> ค่าอุปกรณ์ต่างๆในการดำเนินงาน 99,000 บาท
>> ค่าบำรุงรักษา 75,000 บาท
รวม 324,000 บาท
ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาดำเนินการจัดทำระบบรายรับ - รายจ่าย ประมาณการว่าจะต้องใช้ระยะเวลา 5 เดือน นับตั้งแต่ เดือน สิงหาคม - ธันวาคม พ.ศ. 2559 ซึ่งระยะเวลานี้จะรวมไปถึงเวลาที่สูญเสียไปโดยกรณีไม่คาดคิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น